วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556

บทที่ 4 เรื่องจริง


   "เมื่อกี๊คุณว่าไงนะ"ฉันกำลังงงกับของเขาเป็นอย่างมาก
   "แล้วไง"เขาพูดกวนประสาท
   "ก็คุณเอ๊ย นายบอกว่านายสั่งทำ"
   "ก็ใช่ไง"
   "แล้วนายสั่งทำได้ไง"
   "พ่อผมใหญ่มั้ง"
   "ฉันเอาเรื่องจริง"
   "เดี๋ยวค่อยคุณกันหมดเวลาของเราแล้ว"พอสิ้นเสียงของเขาฉันอยากจะระเบิดใส่หน้าเขา กวนซะที่หนึ่งเลย
      มันจบแล้วหรอ ฉันยังอยากจะคุยให้เสร็ด เขาพูดถูกถ้าฉันออกจากที่นั้นไปฉันจะเสียใจจริงๆอย่างที่เขาว่า ฉันรู้สึกว่าเวลาอยู่กับเขาแล้ว...อบอุ่น ฉันนี่ไม่ยอมรับความจริงสักทีว่าฉันน่ะ... กริ๊ง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
   "เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอ"แม่ของฉันดึงผ้าห่มออกไป เฮ้อฉันอยากที่จะอยู่ที่นั้นตลอดไปเสียแล้ว เพราะเหตุผลเดียวเพราะที่นี่ไม่มีเขาอยู่ข้างๆฉันขาดเขาไปไม่ได้จริงๆไม่รู้ทำไม แต่เราต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง ต้องอดทนคืนต่อไปให้ได้
     ฉันกำลังเดินเหม่อลอยทั้งๆที่เมื่อก่อนวิ่งแทบตายเพราะสายแล้ว สายแล้ว!!! ฉันจึงรีบเดินเร็วขึ้นเร็วขึ้น แล้วก็วิ่งๆๆๆๆโครม.….…..……………
   "ขอโทดๆ"ชายผู้หนึ่งหันมามองแล้วทันใดนั้น พระเจ้า!!!นั้นมันไอ้ปอนี่ ตัวฉันร้อนขึ้นอีกแล้วเขามีท่าทีเหมือนคนนั้นเลยคนที่อยู่ในความฝัน นี้ถือว่าเป็นครั้งแรกในเทอมนี่ที่ฉันได้คุยกับเขาเลย
   "อ่า..."คำพูดไม่ยอมหลุดจากปากฉัน เขาพยุงตัวฉันขึ้นโดยเร็ว
   "สายแล้วนะแต่ไม่เป็นไรเราจะพาเทอไปห้องพยาบาล ดูสิหัวเขาทะลอกเพราะฝีมือเรา บ้าจิง"
   "เออ...ไม่เป็นไร"ฉันพูดไม่ออก ก็ได้แต่เงียบ แต่สังเกตุอีกครั้ง พระเจ้า! เขาจับมือฉันอยู่ ต้องสงบสติเอาไว้
     เรามาอยู่ในห้องพยาบาล เขามองหน้าฉันและส่งสายตาขอโทษมาตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ดวงตาสีดำช่าง...
   "เสร็ดแล้วค่ะ คุณลาสเลนด์"ครูกระแทกเสียงใส่ฉัน
   "ขอบคุณครับ"แทนที่ฉันจะเป็นคนพูด เขากับพูดแทนฉัน พอตอนจะออกจะห้องพยาบาล เขาก็ยังจับมือฉัน ฉันไม่เคยอยู่ใกล้เขาขนาดนี่เลย ไม่เคยที่จะจับมือเขาด้วย
     เขาอยู่ห้อง 2 ส่วนฉันอยู่ห้อง 4 ฉะนั้นเราจึงมาถึงห้องเขาก่อน แต่เขาตัดสินในว่าจะเดินไปส่งฉัน เมื่อเพื่อนสนิทของฉัน เห็นเข้า เธอก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่มาถามว่าทำไม เขาถึงมากับฉัน แต่ฉันไม่ได้ตอบ เพราะอะไรก็ไม่รู้
   "นี่เซรีน่า เรื่องฝันเป็นไงบ้าง"เธอถามฉันแล้วลงระดับเสียงตรงคำว่าฝัน ทำอย่างกับพูดเรื่องจะไปปล้นแบงค์
   "ก็เรื่อยๆน่ะ ไม่มีอะไร"ฉันโกหก ฉันยังไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ฉันอยากอยู่เงียบๆ ดื่มด่ำกับเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้น ฉันดูฝ่ามือตัวเอง แล้วนึกว่าเมื่อกี๊มีมือของเขามาจับมือฉัน ชาร์ล็อทยังระดมยิงคำถามต่างๆมาใส่ฉัน แต่คำพูดเล่านั้นดูเหมือนเบามาก
   "ชาร์ล็อท เอสลิ่ง"ครูประวัติศาสตร์เรียก"ถ้าอีกครั้ง เธอออกไปคุยกันนอกห้อง"
     พอถึงเวลาเลิกเรียนฉันเจอปอ ฉันอยากจะขอบคุณเขา ฉันอยากทำแบบนั้น เขาเดินผ่านหน้าฉัน ฉันสบตากับดวงตาสีเข้มคู่นั้น ฉันกำลังจะพูดที่จริงฉันก็คิดว่าแบบนั้น แต่...แฟนของเขาก็เดินมาจิกตาใส่ฉันแล้วก็ลากเขาไป แต่ก็ช่างเถอะยังไงฉันก็ไม่กล้าพูดไปอยู่ดี

วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

บทที่ 3 เผชิญหน้า

     แต่สิ่งที่ต้องตกใจมากที่สุดก็คือชายแปลกหน้าคนก่อนนั้นได้มานั่งอยู่ตรงหน้า ฉันได้แต่นั่งแข็งอยู่กับที่ร่างกายฉันสั่นระริกเหมือนกระเพาะตีลังกา คำพูดที่อยากจะพูดออกไปมันติดอยู่ในลำคอเหมือนมันไม่อยากอยู่มา แต่แล้วชายผู้นั้นก็เอ่ยขึ้น
   "สวัสดีตอนเช้าครับ"เขาเอ่ยอย่างนิ่มนวน ฉันไม่ตอบได้แต่นิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก
   "ทำไมเงียบไปหล่ะ. ไม่อยากคุยกันหรอ ไม่เป็นไรงั้นคุณจะทำอะไรก็ได้นะ นี่บ้านคุณ"เขาเรียกฉันว่าคุณด้วย นี่ทำให้ฉันตัวชาไปหมด ไม่สินั้นมันคนบ้าชัดๆไม่เอาด้วยหรอก
     ฉันมองตามเขาออกไปไม่ละสายตาฉันก็ไม่รู้ตัวเองว่าทำไมต้องไปสนใจไอ้งี่เง่านั้นด้วย ฉันนี่มันโรคจิตจริงๆ ที่จริงๆฉันจะมองให้แน่ใจว่าเขาจะออกไปจริงๆ อย่างน้อยๆเขาก็เป็นผู้ชายไว้ใจไม่ได้ต้องระวังตัวให้ดีๆฉันเองก็ไม่ใช่เด็กแล้ว !!!
   "คิดอะไรอยู่หรอครับ"เขาเอามือมาจับไหล่ฉัน อีกครั้งที่ทำให้หน้าฉันร้อนผ่าว ฉันชอบไอ้นี่ไปได้ยังไงกัน
   "แล้วนายเกี่ยวอัไรด้วย"แต่ละคำที่ออกมาจากปากมันดูไม่เป็นคำมันพูดยากเหลือเกินเวลาอยู่ต่อหน้าเขา
   "ผมรู้แล้วกันว่าคุณคิดอะไรอยู่"
   "แล้วไง"
   "คุณอายุเท่าไร"
   "แล้วจะทำยังไงให้ออกไปจากที่นี่"
   "ถ้าคุณออกไปแล้วคุณจะเสียใจ"
   "18"
   "ขอบคุณ"เขพูดเสร็ดเขาก็ฉุดลากฉันแต่ไม่ได้แบบโหดร้่ายแต่แบบอ่อนโยน จนฉันยอมตามเขาไปแต่โดยดี
     ตอนนี้เราอยู่ในรถฉันเอาแต่มองหน้าเขาเหมือยเขาจะรู้ตัวด้วยว่าฉันมองอยู่ตอนที่เขาหันหน้ามาฉันก็ไม่กล้สที่จะสบตาเขาจึงต้องหลบหน้าหนีมันอาจัป็นพิรุจอย่างหนึ่งก็ได้
   "คุณหิวบ้างมั้ย"เขาผันมาสบตาฉันพอดี หิวหรอฉันคิด หิวจะตายอยู่แล้วแต่ฉันก็ไม่ได้ตอบอะไรเขาไป หลังจากที่เขาถามเขาก็กลับีถไปที่ไหนสักที่ ฉันไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันชอบเขาอยู่หรือไม่ได้ชอบฉันก็ยังไม่รู้ใจตัวเองอยู่ดี ทางที่ดีฉันเลยหันไปดูข้างทางแทน มันทำให้ฉันประทับใจมาก ข้างทางนี้มันช่างสวยงามอะไรอย่างนี้มีพืชพันธุ์ไม้ดอกขึ้นโดยรอบแต่ก็ไม่รกเลยมันถูกจัดไว้เปผ็นระเบียนยังดูดีกว่าที่บ้านฉันฃะอีก
   "นี่ผมสั่งทำนะเนี่ยเจ๊งป่าว"เขายิ้มอย่างเริงร่า แต่ฉันคิดว่ายิ้มนั้นน่ารัก เอ!!!เขสบอกว่าอะไรนะสั่งทำหรอเขาทำอาชีพอะไรกันแน่เป็นนักจัดสวนแน่เลยแต่นักจัดสวนจะมามีสิทธิ์ตั้งต้นไม้ในที่สาธาระณะได้ไง?

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

บทที่ 2 อีกครั้ง

     ขณะเดินย้ายห้องเรียนระหว่างคาบอยู่นั้นฉันก็ไปเจอคนที่ฉันชอบขึ้นมาฉันแอบจนหน้าแดงซ่านเพื่อนฉันก็ชอบเขาเหมือนกับเขาื่ชื่อปออายุ19ฉันกับเพื่อนสนิทมีอะไรที่เหมือนกันแต่ชอบคนเดียวกันนี่สิ ฉันไม่ถือหรอนะเพราะเพราะปอก็แฟนเป็นตัวเป็นตนฉันก็ไม่อยากจะยุ่งด้วยเท่าไหร่ แต่เจอเขาที่ไรก็เกิดอาการเขิลทุกที ฉันมัวแต่เหม่อลอยจนเดินไปชนคนข้างหน้าเมื่อนรียนจบสิที่ฉันอยากจะทำคือกลับบ้านนอน ไปดูให้ได้ว่าเขาคือใครแล้วที่สำคัญที่สุดคือไปพิสูจน์ว่ามันฝันติดต่อกันหรือไปเจอกันในฝันได้หรือเปล่า ตอนที่ยื่นรอรถอยู่ก็มีความคิดวูบออกมาสิ่งนั้นเกือบทำให้ฉันหน้ามืดชั่วขณะ เมื่อรถมาแล้วฉันแทบมองไม่เห็ยรถที่อยู่ตรงหน้าเลยฉันพยายามลืมตาแต่กลับทำให้มันเลือนลางลงไปอีกและแล้วโลความจริงก็กลับมาเสียงคนจอแจและเสียงบิดแตร์รถเป็นระยะๆฉันรีบขึ้นรถเมื่อเห็นว่ารถที่มารับทิ้งห่างจะคันหน้าไปมาก
     เมื่อทุกอย่างกลับมาเข้าที่เข้าทางฉันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกไปยาวๆ
   "นี่!ไม่สบายอะไรหรอ"แม่ฉันถามด้วยความอ่อนโยน
   "ไม่มีอะไรหรอแม่"ฉันแก้ตัว
   "แล้วถอนหายใจทำไม"แม่ฉันทำท่าไม่สบายใจไปด้วย
   "ก็วันนี้การบ้านเยอะไปหน่อย"ฉันโกหก
     พอถึงบ้านฉันรีบจัดอะไรๆให้เสร็ดแล้วเตรียมตัวนอน!! ฉันนอนหลับตาอยู่บนเตียง แล้วทุกสิ่งทุกสิ่งทุกอย่างก็มืด มีรู้มึนหัวน้อยๆก่อนจะมีแสงสว่างจ้า ฉันเอามือปิดหน้า แสงที่เข้าตามันดูมัวลงแล้วทุกอย่างก็เข้าที่
     ฉันมาอยู่ในบ้านหลังเดิม ตอนนี้เป็นตอนเช้า มันดูแตกต่างจากตอนกลางคืนมาก มันดูโปร่งผ้าม่านขาวสะอาดกำลังปลิวไสว ตอนนี้ฉันกำลังจมดิงสู่ความฝันอีกครั้ง

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

บทที่ 1 ชายแปลกหน้า

     ฉันรีบเดินลงไปทั้งร่างกายสั้นเทาด้วยความหวาดกลัว ทันทีที่ฉันเปิดประตูนั้นแสงจันทร์สุกเหลืองนวลส่องกระทบบนร่างชายผู้หนึ่งซึ่งกำลังหันมามอง แสงนีออนทำให้เห็นใบหน้าที่ชัดมาก เขาไม่ใช่คนเอเชียผมสีน้ำตาลสว่างแม้ในความมืด เขาเป็นคนที่ดูดีที่เดียว ฉันสังเกตว่าเลือดที่ใบหน้าเขาสูบฉีกผิดปกติ เขาหน้าแดงนั้นเองเขาหน้าจะอายุประมาณ19แก่กว่าฉันแค่1ปีฉันอยากจะเดินไปหาเขาแต่ก็ก้าวขาไม่ออกและแล้วก็เหมือนบางอย่างดับไปและก็สว่างขึ้นมาอีก
     ฉันลุกขึ้นมาจากเตียงที่บ้านของฉันฉันอยากในถึงคืนนี้เร็วๆจนทนไม่ไหวอยากจะหลับไปอีกจังฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครฉันเชื่อว่าจะได้เจอเขาอีกแน่นอน ฉันมัวแต่นั่งเหม่ออยู่บนเตียงจนลืมเวลาที่ต้องไปโรงเรียนเลย
     ฉันรีบถ่ายทอดเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฉันฟังเพื่อนฉันก็มีเหตุการณ์คล้ายฉันแต่ลักษณะบ้านไม่เหมือนกันแล้วเธอก็เห็นฉันอยู่บ้านฝั่งตรงข้างด้วย ก็แสดงว่าเราไปเจอกันในความฝันงั้นหรอมันเหมือนเป็นเรื่องที่ตลกมากแต่มันได้เกิดขึ้นแล้ว วันนั้นฉันเรียนไม่รู้เรื่องเลย

วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555

บทนำ

     ขณะที่ฉันหลับใหลเหมือนได้ไปเยี่ยมเยี่ยนอีกโลกหนึ่งที่คนส่วนน้อยจะได้คิดได้ฝัน ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจมัน"อาจ"จะเป็น"แค่"ความฝันก็ได้ ฉันกำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ้งแน่นอนฉันเตรียมตัวที่จะไปต่อมหาวิทยาลัยชื่อดังต่างๆ มีบ้างสิ่งที่กระตุ้นจิตใจมุ่งไปที่เพื่อนสนิทที่สุดของฉันเธอกำลังนั่งเหม่อมองไปทางหน้าต่างห้องเรียน เมื่อฉันทักไปเธอจึงสะดุ้งตื่นจากภวัง
   "มีอะไรหรือเปล่า ให้ช่วยมั้ย"ฉันทำเสียงให้ดูเป็นมิตรที่สุดเผื่อว่าเธอกำลังกลุ้มใจอยู่
   "เปล่าหรอ ไม่มีอะไรก็แค่ ฝั...น..น.."เธอสะดุดคำสุดท้าย และนั้นเองทำให้ฉันก็คิดถึงเรื่องเมื่อคืนวาน และนี้คือจุดเริ่มต้นของบทสนทนาที่ยาวนานเกี่ยวกับ"ฝัน"
   "มีคนส่วนน้อยที่จะรู้ตัวเอง ว่านั้นไม่ใช่ฝันธรรมดาๆ แต่มันเป็นฝันที่แสนพิเศษที่ไม่มีใครคิดถึงแก่นแท้ของมัน เพื่อนฉันบอกว่าที่ไม่พูดให้ฟังนั้นเพราะกลัวว่าฉันจะหาว่าเธอบ้า! ฉันกลับมาคิดอีกทีฉันก็คิดอย่างนั้นเช่นกันแต่บังเอิญว่าฉันก็มีเหตุการอย่างนั้นเกิดขึ้นกับตัวเองซึ่งจะกล่าวถึงครั้งแรกที่ได้ไปเจอกับที่ๆแสนวิเศษในตอนนี้
     ภาพมันเลือนลางมากแล้วมันก็เริ่มชัดขึ้น ฉันอยู่ในบ้านที่ฉันไม่เคยพบเห็นมาก่อนแต่ในทันทีที่เห็นมันฉันก็รู้สึกอบอุ่นใจ ปลอดภัยที่ได้อยู่ใต้รมชายคาบ้านหลังนี้ มันเป็นตอนกลางคืน ฉันมัวแต่แปลกใจที่มาอยู่ในที่ๆไม่รู้จัก ฉันจึงคลำหาสวิตไฟ พอแสงสว่างสาดส่องขึ้นบ้านนี้ก็ดูหรูหราไม่มีที่ติด มันไม่ใช่คฤหาส์มันเป็นแค่บ้านเดี่ยวที่ไม่ใหญ่โตนักแต่การจัดเรียงเครื่องใช้ทำให้ดูมีชีวิตชีวาประหนึ่งถูกสร้างมาเพื่อขุนนางชาววัง ฉันเดินไล่ไปตามชั้นหนังสือแปลกๆที่วางเรียงรายอยู่เต็มตู้ ชั้นสองมีเตียงคู่ที่ใหญ่และยาวมากตั้งติดกันหน้าต่างบานใหญ่ ฉันเปิดม่านดู เห็นจันทราส่องแสงนวนขาวสวยอยู่ทร่ำกลางดวงดาวอันพราวพราย ตอนนั้นเองฉันสังเกตเห็นคนมายื่นอยู่แถวๆหน้าบ้าน "บ้านหรอ"ฉันคิดอย่างน้อยมันก็เป็นบ้านหลังหนึ่งของฉันหรืออาจจะเป็นของเขาผู้นั้นก็ได้...